
เมื่อหนุ่มน้อยเสียงดี AJ Mitchell เจ้าของเพลงฮิตติดใจอย่าง “Talk So Much” “Move On” และซิงเกิ้ลล่าสุดที่เป็นชื่อเดียวกับอัลบั้มแรกของเขาด้วยอย่าง “Slow Dance” ที่ได้สาว Ava Max มาร่วมฟีทเจอริ่ง มาเยี่ยมเยือนเมืองไทยทั้งที seventeen เลยไม่พลาดที่จะขอนัดคิวเข้าไปพูดคุยทักทายกันสักหน่อย
17 : มาถึงเมืองไทยแล้วเป็นไงบ้าง
AJ : เยี่ยมเลยครับ เป็นครั้งแรกที่มาเอเชียและเมืองไทยเลย
17 : ก่อนมานี่คาดหวังไว้ไหมว่า กรุงเทพจะเป็นยังไง
AJ : พูดตรงๆ เลยคือ ผมไม่มีอะไรในหัวเลยว่า จะมาเจออะไรบ้าง จริงๆนะครับ แต่ทุกอย่างก็เยี่ยมมาก ผมไปสิงคโปร์มาก่อน สถาปัตยกรรมที่นั่นสวยมาก แล้วก็มาเมืองไทย ทุกสิ่งสวยงามไปหมด ออกจะวุ่นวายนิดหน่อย โดยเฉพาะการจราจร ซึ่งก็น่าสนใจดีครับ
17 : แสดงว่า ไปลุยถนนกรุงเทพมาแล้วใช่ไหม
AJ : ครับ บางทีก็ติดนิ่งสนิท ผมเหวอไปเลย แต่ก็ไม่ได้อะไรตกใจมาก เพราะผมเองก็มาจากแอลเอที่การจราจรไม่ต่างกันเท่าไหร่
17 : แล้วประทับใจอะไรอีกไหม อาหารล่ะ
AJ : ใช่ครับ ผมชอบอาหารไทยมาก โดยเฉพาะผัดไทย
17 : ก่อนมาเคยกินไหมคะ แล้วนอกจากผัดไทยมีอย่างอื่นอีกไหม
AJ : ครับ ผมเคยกินผัดไทยมาบ้างแล้ว ทั้งที่แอลเอแล้วก็ที่บ้านเกิดผม อย่างอื่นก็เคยกินนะ แต่นึกชื่อไม่ออก ผมจำชื่อไม่เก่งเอาเลย น่าจะต้มยำกุ้งนะ ผมกินอาหารเผ็ดๆได้อยู่
17 : แล้วแฟนๆ ชาวไทยเป็นไงบ้าง
AJ : เยี่ยมมากครับ คือไปไหนก็เจอ ไปรอผมอยู่ ให้ของขวัญผม น่ารักมากเลย
17 : แล้วเคยเห็นพวกคอมเมนต์ตามโซเชี่ยลมีเดียไหม
AJ : เห็นในไอจีครับ มีคนทำคลิปให้ก่อนผมมาที่นี่ เจ๋งมาก พอมาที่นี่ก็ได้เจอพวกเขา มีบางคนที่เห็นแล้วแบบ “หน้าตาคุ้นๆ นะ”
17 : พูดถึงความสัมพันธ์กับแฟนเพลงในยุคโซเชี่ยลแบบนี้หน่อย
AJ : ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแฟนๆ เป็นกันเองมากครับ ผมเป็นมิตรกับพวกเขามาก คุยกันเหมือนเป็นเพื่อนจริงๆ
17 : แสดงว่า ตอบคำถามแฟนๆ เอง
AJ : ใช่ครับ ตอบคำถาม ปล่อยมุก ผมตลกมาก เหมือนคุยกับเพื่อนจริงๆ ครับ
17 : คุณเคยพูดว่า ถ้าอยากรู้จักคุณให้ฟัง Talk So Much เพราะอะไร
AJ : เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมชอบส่วนตัว ตอนเด็กๆ ผมชอบเอาเพลงมาแปลงให้ตลก ผมคิดว่า เพลงนี้มีตัวตนของผมอยู่หลายอย่าง ผมไม่ใช่คนเครียดมากมาย ออกจะเฮฮามากกว่า
17 : ชอบเพลงนี้ที่สุดเลยหรือเปล่า
AJ : แน่นอนครับ ถือว่า ชอบเป็นอันดับต้นๆ นะครับ
17 : นอกจาก Stevie Wonders ที่เป็นแรงบันดาลใจแล้วยังชอบใครอีกบ้าง
AJ : ผมโตมากับ The Beatles วงโปรดผมเลย แล้วก็ชอบ Bruno Mars, Lil Wayne, Whitney Houston ผมฟังเพลงทุกแนวครับ
17 : อะไรคือแรงบันดาลใจให้อยากทำเพลง
AJ : ผมโตมากับเสียงเพลงครับ คุณพ่อผมเอาแต่แต่งเพลงกับเปียโน คุณแม่ก็เปิดเพลงลั่นบ้านตลอด เสียงเพลงเลยเป็นสิ่งที่ผมชอบตั้งแต่เด็ก ตอน 6 ขวบผมก็อยากเขียนเพลงเองแล้ว พอโตขึ้นผมก็อยากทำให้ทุกคนเห็นว่า ผมเป็นใคร ผมเลยทำเพลงเองแล้วไปโพสต์ออนไลน์ แล้วมันก็เริ่มจากตรงนั้นครับ
17 : เขียนเพลงตั้งแต่ 6 ขวบ ทั้งที่เด็กคนอื่นยังหัดเขียนหนังสืออยู่เลย รู้สึกไหมว่าเราแปลก
AJ : ผมว่าก็ไม่แปลกนะครับ เพราะคุณพ่อของผมก็เขียนเพลงอยู่ตลอด ซึ่งช่วยผมเรื่องโครงสร้างการเขียนเพลงได้มาก แล้วผมก็ฟังเพลงตลอดเวลา มันก็ทำให้ผมรู้ว่า ต้องทำยังไงให้ได้เพลงออกมา ผมเองก็หาวิธีซ้อมของผมเสมอเลยทำได้ครับ
17 : มีกิจกรรมตามวัยอะไรที่เราชอบบ้าง
AJ : ผมชอบเล่นกีฬาครับ โดยเฉพาะบาสเกตบอล ชอบอยู่นอกบ้านให้มากที่สุด ถ้าไม่ทำเพลงผมก็ไปหาอะไรทำนอกบ้านตลอดครับ
17 : กิจกรรมไหนที่ตื่นเต้นที่สุดที่เคยทำ
AJ : กระโดดหน้าผาครับ ผมไปโดดผา 60 ฟุตมาตอนอายุ 14 ปี ตอนอยู่บนนั้นก็คิดว่า มันสูงมากนะครับ คิดอยู่ตั้ง 30 นาทีกว่าจะโดด ตอนแรกผมก็แบบ “ไม่มีทาง” แต่สุดท้ายก็ลองดูหน่อยแล้วกัน ผมถอยไปจนไม่เห็นผืนน้ำแล้วก็โดดลงมา เสร็จแล้วก็คิดว่า “ทำไปทำไมเนี่ย” แต่ก็ไม่มีอะไรครับ สบายดี พอทำไปแล้วก็คิดว่า เดี๋ยวจะทำอีก
17 : มีอะไรฝากถึงแฟนๆ ชาวไทยไหม
AJ : ถึงแฟนๆ ชาวไทยทุกคนนะครับ ขอบคุณมากที่สนับสนุนผม ทุกคนน่ารักมาก ตามดันกันมาตั้งแต่ต้นเลย ซาบซึ้งมากๆ ครับ
17 : แล้วมีอะไรฝากถึงคนที่อยากเป็นศิลปินแบบคุณไหม
AJ : อยากบอกว่า บางทีมันก็ไม่ค่อยสนุกหรอกนะ แต่พอได้ทำแล้วจะรู้สึกดีสุดๆ เลย ฉะนั้น อยากทำก็อย่ากลัว ลงมือเลย
เรื่อง Krissana Kochathamarat
Naim Prasarn
ภาพ Oat Kamolchon